การศึกษาค้นคว้าวิจัยนี้ที่เผยแพร่อยู่ในนิตยสาร Psychology of Music บอกไว้ว่า เสียงดนตรีที่อบอวลอยู่รอบข้างพวกเรา บางทีอาจเป็นอาหารชั้นเยี่ยมของความรัก แล้วก็ความรู้สึกสนอกสนใจหรือจูงใจในกลุ่มผู้ชายไม่มีคู่หรือหญิงไม่มีคู่อาจมากขึ้นได้ ถ้าหากมีเสียงดนตรีคลอไปด้วยระหว่างการพบปะเจรจากันในคราวแรก
Wall Street Journal เผยแพร่รายงานเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างเสียงเพลงกับลักษณะบุคลิกภาพที่จูงใจนี้ โดยบอกว่าบทสนทนาแรกเป็นสิ่งจำเป็นที่บางทีอาจเป็นสาเหตุชี้ได้ว่า อนาคตของคนคู่นี้จะนานหรือไม่ ขนาดไหน และก็ว่าการมีเสียงดนตรีคลอไปด้วยระหว่างการพบกันหนแรก พูดคุยคราวแรก หรือออกเดทคราวแรก จะช่วยทำให้แต่ละฝ่ายเกิดความตรึงใจกันและกันง่ายดายมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับการไม่มีเสียงเพลง
รายงานชิ้นนี้บอกว่า เสียงเพลงจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทในสมองระหว่างการคุยกันคราวแรกระหว่างหนุ่มโสดแล้วก็สาวโสด ช่วยทำให้เกิดความซาบซึ้งกันและกัน
นักวิทยาศาสตร์ประเทศญี่ปุ่นเรียนรู้ประเด็นนี้โดยใช้กลุ่มทดลอง 32 คน เป็นเพศชาย 16 คน หญิง 16 คน อายุประมาณ 20 ปี แล้วให้กลุ่มของตัวอย่างทั้งหมดทั้งปวงพบเห็นกันแบบที่เรียกว่านัดบอด โดยกำหนดให้ครึ่งหนึ่งพูดคุยกันแบบมีเสียงดนตรีเปิดคลอไปด้วย ซึ่งมีทั้งเพลงร็อค เพลงแร็พ แล้วก็เพลงคลาสสิค ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั่งคุยแบบไม่มีเสียงเพลง แล้วให้สลับคู่เจรจาวนไปเรื่อยๆ
แล้วให้กลุ่มของตัวอย่างให้แต้มความประทับใจต่อบุคลิกภาพที่ถูกใจ 10 แบบ ยกตัวอย่างเช่น ความเชื่อมั่นและมั่นใจ ความทรหดอดทน ความเป็นมนุษย์เปิดเผยจริงใจ ฯลฯ นักวิจัยพบว่าคะแนนเฉลี่ยบุคลิกภาพน่าประทับใจ 10 แบบของกรุ๊ปที่เปิดเพลงระหว่างการพูดคุยกัน สูงยิ่งกว่าคะแนนเฉลี่ยของกรุ๊ปที่ไม่เปิดเพลงอย่างชัดเจน
นักวิจัยญีปุ่นสรุปว่า เสียงดนตรีหรือเสียงเพลงช่วยเพิ่มระดับความรู้สึกชอบใจในอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อแรกเจอได้จริง นอกจากนี้ เสียงเพลงยังอาจช่วยทำให้แต่ละฝ่ายมีการเปลี่ยนแปลงการกระทำของตนเอง เพื่อเย้ายวนใจอีกฝ่ายหนึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน
รายงานยังพบด้วยว่า แรงดึงดูดดังที่กล่าวมาแล้วจะยิ่งมากขึ้นหรือเข้มข้นขึ้น ถ้าใครคนใดคนหนึ่งได้เลือกเพลงที่ตนถูกใจด้วย
เครดิตข้อมูลบทความจาก
voathai.com
www.candycracker.com
