สารบัญเนื้อหา
- บทนำ
- ทำไมการจูนกลองชุดจึงสำคัญ
- ขั้นตอนการจูนกลองแต่ละชิ้น
- การเลือกหนังของกลองให้เหมาะสมกับการจูน
- เทคนิคการจูนกลองสำหรับมือใหม่
- การจูนกลองให้เหมาะสมกับแนวดนตรี
- สรุป
การจูนกลองชุดเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่มักถูกมองข้ามโดยนักดนตรีบางคน ซึ่งหลายครั้งเสียงที่ได้จากกลองไม่ได้ออกมาตามที่ตั้งใจ เนื่องจากขาดการปรับแต่งที่ถูกต้อง การจูนกลองไม่เพียงแต่ช่วยให้ได้เสียงที่สมบูรณ์ แต่ยังช่วยให้กลองเล่นได้สอดคล้องกับเครื่องดนตรีอื่น ๆ ในวงดนตรีด้วย หากเสียงของกลองมีปัญหา เช่น กลองเบสเสียงทึบเกินไปหรือสแนร์มีเสียงดังเกินไป นั่นอาจส่งผลให้ประสบการณ์การเล่นดนตรีของคุณไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
การจูนกลองไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องการความเข้าใจในเทคนิคและกระบวนการที่เหมาะสม วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับเทคนิคการจูนกลองชุดทีละขั้นตอน ตั้งแต่การจูนพื้นฐานจนถึงการเลือกหนังของกลองที่เหมาะสมกับแนวดนตรีต่าง ๆ
-
ทำไมการจูนกลองชุดจึงสำคัญ
เสียงของกลองชุดประกอบไปด้วยหลายชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นมีบทบาทที่แตกต่างกันในวงดนตรี หากกลองแต่ละชิ้นถูกจูนไม่สมดุลกัน อาจทำให้เสียงรวมกันของกลองมีความแปลกหู ไม่เข้ากับเครื่องดนตรีอื่น ๆ ในวง การจูนกลองที่เหมาะสมช่วยให้เสียงกลองทั้งชุดสามารถเข้ากับแนวดนตรีได้ดีขึ้น เช่น หากเล่นเพลงแจ๊ส กลองทอมควรจะมีเสียงที่นุ่มลึก ในขณะที่กลองสแนร์ควรมีเสียงที่คมชัดและกระชับในเพลงร็อค การปรับแต่งเสียงกลองให้เหมาะกับสไตล์ดนตรีที่ต้องการเล่นเป็นสิ่งที่ช่วยให้การเล่นกลองของคุณมีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น การจูนกลองยังช่วยยืดอายุการใช้งานของหนังกลองอีกด้วย หากหนังตึงหรือหลวมเกินไป อาจส่งผลให้เสียงของกลองไม่ออกมาดีและทำให้หนังกลองเสียหายเร็วขึ้น การดูแลกลองด้วยการจูนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหนังกลองอีกด้วย
-
ขั้นตอนการจูนกลองแต่ละชิ้น
ในการจูนกลองชุด เราจะต้องทำการปรับแต่งกลองแต่ละชิ้นเพื่อให้เสียงเข้ากัน ซึ่งเราสามารถเริ่มจากการจูนกลองสแนร์ก่อน จากนั้นไปยังทอม ฟลอร์ทอม และสุดท้ายคือเบสกลอง โดยจะอธิบายวิธีการจูนแต่ละชิ้นอย่างละเอียดเพื่อให้คุณสามารถทำตามได้ง่าย
กลองสแนร์ (Snare Drum)
กลองสแนร์เป็นหนึ่งในกลองที่มีความสำคัญที่สุดในกลองชุด เนื่องจากมันเป็นกลองที่ใช้บ่อยในการสร้างจังหวะหลักของเพลง การจูนกลองสแนร์จะต้องให้ความสำคัญกับหนังด้านบนและด้านล่างอย่างเท่าเทียมกัน
- หนังด้านบน (Batter Head): หนังด้านบนจะเป็นตัวกำหนดเสียงหลักของกลองสแนร์ หากต้องการเสียงที่คมชัด ให้ปรับหนังให้ตึงขึ้น แต่หากต้องการเสียงที่ทุ้มและนุ่มลง ควรปรับให้หนังหลวมขึ้นเล็กน้อย
- หนังด้านล่าง (Resonant Head): หนังด้านล่างของกลองสแนร์จะมีความสำคัญในการเพิ่มเสียงสะท้อนและความคมชัดของเสียง การปรับหนังด้านล่างให้ตึงจะช่วยเพิ่มเสียงสะท้อนที่คมชัด ในขณะที่การปรับให้หลวมจะทำให้เสียงทุ้มและนุ่มขึ้น
การจูนสแนร์เริ่มจากการใช้ดรัมคีย์เพื่อคลายและปรับความตึงของหนังโดยเริ่มจากการปรับจุดตรงข้ามกัน (เช่น ปรับที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาแล้วจึงปรับที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา) ทำให้เสียงออกมาสม่ำเสมอและไม่บิดเบี้ยว
ทอม (Tom Drums)
กลองทอมเป็นกลองที่ใช้ในการสร้างเสียงเมโลดี้ในบางครั้งในดนตรีสมัยใหม่ โดยเฉพาะในเพลงแนวร็อคหรือเมทัล การจูนทอมจึงต้องให้เสียงที่กลมกล่อมเพื่อให้เสียงเข้ากับกลองชิ้นอื่น ๆ
- สำหรับการจูนทอม คุณสามารถเริ่มจากการปรับหนังด้านบนก่อน โดยให้หนังด้านบนตึงกว่าหนังด้านล่างเล็กน้อย เพื่อให้ได้เสียงที่นุ่มและมีการกังวาน เมื่อทำการจูนหนังด้านบนแล้ว ให้ปรับหนังด้านล่างตาม โดยให้แน่ใจว่าเสียงของทอมแต่ละใบเข้ากันได้ดี
ฟลอร์ทอม (Floor Tom)
ฟลอร์ทอมเป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในชุดกลองทอม และมักจะถูกใช้เพื่อสร้างเสียงจังหวะที่หนักแน่นและทุ้มลึก การจูนฟลอร์ทอมต้องการการปรับที่เหมาะสมเพื่อให้ได้เสียงที่มีพลัง
- การปรับฟลอร์ทอมสามารถทำได้โดยการปรับหนังด้านบนให้ตึงกว่าหนังด้านล่างเล็กน้อยเช่นเดียวกับกลองทอม การปรับเช่นนี้จะช่วยให้เสียงของฟลอร์ทอมมีความทุ้มลึกและสมบูรณ์
เบสกลอง (Bass Drum)
เบสกลองหรือกลองใหญ่เป็นกลองที่มีความสำคัญที่สุดในการสร้างจังหวะหลักในดนตรีหลายแนว การจูนเบสกลองต้องให้ความสำคัญกับการปรับหนังทั้งสองด้านให้พอดี โดยสามารถใช้เทคนิคการใส่หมอนหรือผ้าเข้าไปในกลองเพื่อลดเสียงสะท้อนที่ไม่ต้องการ
- การจูนเบสกลองเริ่มจากการปรับหนังทั้งสองด้านให้เท่ากัน หากต้องการเสียงที่ทุ้มและนุ่ม ให้ปรับหนังด้านหน้าให้ตึงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่หนังด้านหลังสามารถปรับให้หลวมลงเพื่อให้เสียงไม่กระแทกเกินไป
-
การเลือกหนังของกลองให้เหมาะสมกับการจูน
หนังของกลองเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อเสียงของกลองมากที่สุด หนังที่ใช้ในการจูนกลองสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะและคุณสมบัติของเสียง
- หนังใส (Clear Heads): หนังใสจะให้เสียงที่กังวานและสดใส เหมาะสำหรับดนตรีแนวร็อคและป๊อป ที่ต้องการเสียงที่ชัดเจนและสดใส
- หนังเคลือบ (Coated Heads): หนังเคลือบจะให้เสียงที่นุ่มลึกและอบอุ่น เหมาะสำหรับดนตรีแนวแจ๊สและบลูส์ ที่ต้องการเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติและไม่กังวานมากเกินไป
- หนังสองชั้น (Double-ply Heads): หนังสองชั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสียงที่แน่นและทุ้ม หนังชนิดนี้ช่วยลดเสียงสะท้อนและเพิ่มความกระชับให้กับเสียงของกลอง
การเลือกหนังควรคำนึงถึงแนวดนตรีและสไตล์การเล่น หากคุณต้องการเสียงที่ชัดเจนและกระชับ ควรเลือกใช้หนังใส แต่ถ้าคุณต้องการเสียงที่ทุ้มนุ่มและเหมาะกับการเล่นเพลงแจ๊ส ควรเลือกใช้หนังเคลือบ
-
เทคนิคการจูนกลองสำหรับมือใหม่
สำหรับมือใหม่ การจูนกลองอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยากในตอนแรก แต่ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณสามารถจูนกลองได้อย่างมืออาชีพ:
- เริ่มจากการใช้ดรัมคีย์: ดรัมคีย์เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการจูนกลอง การใช้ดรัมคีย์ให้ถูกวิธีคือการปรับความตึงของหนังกลองในทิศทางที่สมดุล โดยควรปรับจุดที่ตรงข้ามกันในทิศทางตามเข็มนาฬิกา
- การใช้แอปพลิเคชันช่วยในการจูน: ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่สามารถใช้ช่วยในการจูนกลอง เช่นแอปพลิเคชัน Tuner ที่สามารถวัดเสียงและบอกระดับความตึงของหนังกลองได้
-
การจูนกลองให้เหมาะสมกับแนวดนตรี
เสียงกลองที่ได้จากการจูนต้องสอดคล้องกับแนวดนตรีที่ต้องการเล่น การปรับแต่งเสียงกลองให้เหมาะสมกับแนวดนตรีจะช่วยเพิ่มความไพเราะและพลังของการเล่นกลอง ตัวอย่างของการจูนที่เหมาะสมกับแนวเพลงต่าง ๆ ได้แก่:
- ดนตรีร็อค: กลองในเพลงร็อคต้องการเสียงที่หนักแน่นและกระชับ โดยเฉพาะกลองเบสและสแนร์
- ดนตรีแจ๊ส: ในเพลงแจ๊ส กลองทอมและฟลอร์ทอมจะต้องการเสียงที่นุ่มลึกและกังวาน ส่วนกลองสแนร์จะต้องมีเสียงที่นุ่มลงและไม่กระแทกเกินไป
สรุป
การจูนกลองชุดไม่เพียงแต่ทำให้ได้เสียงกลองที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของกลองด้วย การเลือกหนังที่เหมาะสมและการปรับแต่งอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณสามารถได้เสียงที่ต้องการตามแนวดนตรีที่เล่น หมั่นฝึกฝนและทำความเข้าใจในกระบวนการจูนกลอง จะช่วยให้คุณกลายเป็นนักดนตรีที่มีเสียงกลองที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
สนใจเรียนดนตรีกับมีภูมิ สามารถทดลองเรียนได้ฟรี
- ยกเว้นคอร์สเต้นจะมีค่าใช้จ่าย 500 บาท เมื่อมีการสมัครเรียนจะคืนเงินให้กับท่าน