fbpx

ทำไมเครื่องหมายแฟลตถึงมีความสำคัญในดนตรีแจ๊ส?

ทำไมเครื่องหมายแฟลตถึงมีความสำคัญในดนตรีแจ๊ส?

สารบัญเนื้อหา

  1. บทนำ
  2. เครื่องหมายแฟลตคืออะไร?
  3. โครงสร้างของคอร์ดในดนตรีแจ๊ส
  4. บทบาทของแฟลตในสเกลบลูส์
  5. ความอิสระในการสร้างสรรค์และด้นสด
  6. การใช้แฟลตเพื่อสร้างความรู้สึกที่ไม่คาดคิด
  7. การใช้เครื่องหมายแฟลตในดนตรีแจ๊สยุคปัจจุบัน
  8. สรุป

ดนตรีแจ๊ส (Jazz) เป็นแนวดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นทั้งในด้านของการประพันธ์และการแสดง เครื่องหมายแฟลต (Flat) นับเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญมากในดนตรีแจ๊ส ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเขียนโน้ตหรือการแสดงสด ทำให้เสียงดนตรีแจ๊สมีความหลากหลายและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ในบทความนี้เราจะสำรวจถึงเหตุผลว่าทำไมเครื่องหมายแฟลตถึงมีความสำคัญในดนตรีแจ๊ส รวมถึงวิธีการที่นักดนตรีแจ๊สใช้เครื่องหมายนี้ในการสร้างสรรค์ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์

เครื่องหมายแฟลตคืออะไร?

เครื่องหมายแฟลตเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในโน้ตดนตรีเพื่อบ่งบอกว่าความถี่ของเสียงจะต่ำลงครึ่งเสียง (1 semitone) โน้ตที่ถูกเล่นในระดับแฟลตจะให้เสียงที่นุ่มลึกและมีความกว้างมากขึ้น ตัวอย่างเช่น โน้ต E เมื่อถูกแฟลตจะกลายเป็น E♭ (E flat) ซึ่งจะมีระดับเสียงที่ต่ำกว่า E แต่สูงกว่า D

การใช้เครื่องหมายแฟลตนี้มีความสำคัญมากในหลายแนวดนตรี แต่สำหรับดนตรีแจ๊สแล้ว การใช้แฟลตกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ช่วยสร้างเสียงที่นุ่มนวลและอิสระในการแสดงออก

เหตุผลที่เครื่องหมายแฟลตมีความสำคัญในดนตรีแจ๊ส

1.โครงสร้างของคอร์ดในดนตรีแจ๊ส

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เครื่องหมายแฟลตมีความสำคัญคือ โครงสร้างของคอร์ด (Chord) ในดนตรีแจ๊ส ซึ่งมักจะใช้คอร์ดที่ซับซ้อนและมีการเล่นแบบเสริมลดเสียง เช่น คอร์ด Seventh, Ninth, และ Thirteenth ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยโน้ตที่มีแฟลต ตัวอย่างเช่น คอร์ด C7 จะประกอบไปด้วยโน้ต C, E, G, และ B♭ ที่ B♭ จะช่วยให้คอร์ดนั้นมีความกลมกล่อมและเข้ากับบรรยากาศของแจ๊สได้ดี

การที่โน้ตหลายตัวในคอร์ดมีแฟลตทำให้เกิดเสียงที่นุ่มนวลและอิสระ โดยเฉพาะในคอร์ดที่มีการแปรเปลี่ยนเสียงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในดนตรีแจ๊สนี้ถือเป็นเรื่องปกติ การเปลี่ยนคีย์และการสร้างเสียงที่ไม่คาดคิดนี้ เป็นจุดเด่นที่ทำให้เครื่องหมายแฟลตมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์คอร์ดที่ซับซ้อนในดนตรีแจ๊ส

2.บทบาทของแฟลตในสเกลบลูส์

ดนตรีแจ๊สมีการใช้สเกลบลูส์ (Blues Scale) ที่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสเกลที่มีการใช้แฟลตบ่อยๆ โดยเฉพาะโน้ตที่ 3, 5 และ 7 ของสเกล ตัวอย่างเช่น สเกลบลูส์ในคีย์ C จะประกอบไปด้วย C, E♭, F, G♭, G, B♭ และ C การมีแฟลตในโน้ตเหล่านี้จะสร้างเสียงที่สะท้อนถึงความรู้สึกเศร้าและลึกซึ้ง ทำให้เกิดบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของดนตรีบลูส์

เนื่องจากดนตรีแจ๊สมีรากฐานมาจากดนตรีบลูส์ จึงทำให้การใช้เครื่องหมายแฟลตในสเกลบลูส์มีความสำคัญมาก การที่โน้ตมีการเปลี่ยนแปลงผ่านแฟลตนี้ไม่เพียงแต่สร้างอารมณ์และความรู้สึก แต่ยังช่วยให้เกิดการเล่นแบบ ‘improvisation’ หรือการด้นสดได้อย่างราบรื่นอีกด้วย

3.ความอิสระในการสร้างสรรค์และด้นสด

ดนตรีแจ๊สขึ้นชื่อในเรื่องของการด้นสด (Improvisation) ซึ่งการด้นสดนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเล่นตามโน้ตที่เขียนมาแล้วเท่านั้น แต่เป็นการสร้างสรรค์ดนตรีใหม่ๆ ในขณะที่เล่น โดยการใช้เครื่องหมายแฟลตในโน้ตที่ต้องการสามารถช่วยให้การด้นสดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

เมื่อมีการใช้แฟลตในโน้ต นักดนตรีสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างเสียงที่ไม่ซ้ำซากและเพิ่มมิติใหม่ให้กับดนตรีแจ๊ส นักดนตรีหลายคนเลือกที่จะเล่นแฟลตในการด้นสดเพราะมันช่วยสร้างเสียงที่เข้มข้นและหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเล่นโน้ต F# ในคีย์ C major อาจให้เสียงที่ไม่น่าสนใจ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น G♭ (G flat) จะให้เสียงที่มีความท้าทายและน่าติดตามมากยิ่งขึ้น

4.การใช้แฟลตเพื่อสร้างความรู้สึกที่ไม่คาดคิด

ดนตรีแจ๊สเน้นการสร้างความรู้สึกที่แปลกใหม่และไม่คาดคิด การใช้เครื่องหมายแฟลตทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียงที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เช่น การเปลี่ยนจากโน้ตธรรมดามาเป็นแฟลตในบางจุดของบทเพลงสามารถสร้างอารมณ์ที่แตกต่างไปได้อย่างชัดเจน และยังช่วยสร้างจังหวะการเปลี่ยนแปลงในบทเพลงที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

การใช้แฟลตในโน้ตบางตัวในท่อนดนตรีแจ๊ส ทำให้นักดนตรีสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของบทเพลงจากเรียบง่ายไปเป็นซับซ้อนได้ในทันที นี่คือสิ่งที่ทำให้ดนตรีแจ๊สไม่สามารถคาดเดาได้และสร้างความตื่นเต้นในการฟังเสมอ

การใช้เครื่องหมายแฟลตในดนตรีแจ๊สยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน การใช้เครื่องหมายแฟลตในดนตรีแจ๊สยังคงมีบทบาทสำคัญเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีการประยุกต์ใช้แนวดนตรีแจ๊สเข้ากับสไตล์อื่นๆ เช่น แจ๊สฟิวชั่น (Jazz Fusion) หรือ แจ๊สร่วมสมัย (Contemporary Jazz) นักดนตรีแจ๊สในยุคนี้ยังคงเลือกใช้แฟลตในการสร้างคอร์ดและสเกลที่ซับซ้อน

ในทางกลับกัน การใช้แฟลตนี้ทำให้นักดนตรีมีความท้าทายในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะในการเล่นโน้ตแฟลตให้เข้ากับจังหวะและสไตล์การเล่นที่หลากหลาย ในการแสดงสด นักดนตรีมักเลือกที่จะด้นสดและสร้างเสียงที่ไม่คาดคิดโดยการใช้เครื่องหมายแฟลต ทำให้ดนตรีแจ๊สยังคงความเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นในวงการดนตรี

สรุป

เครื่องหมายแฟลตเป็นส่วนสำคัญของดนตรีแจ๊สที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเสียง การสร้างคอร์ดที่ซับซ้อน และการด้นสดที่น่าตื่นเต้น ดนตรีแจ๊สจะขาดเสน่ห์หากปราศจากเครื่องหมายนี้ การใช้แฟลตทำให้นักดนตรีสามารถสร้างเสียงที่มีความหลากหลายและอิสระได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นในโครงสร้างของคอร์ด สเกลบลูส์ หรือการสร้างเสียงที่แปลกใหม่ ทำให้ดนตรีแจ๊สยังคงเป็นหนึ่งในแนวดนตรีที่ได้รับความนิยมและทรงคุณค่ามาจนถึงทุกวันนี้

แหล่งอ้างอิง :

  • Bergonzi, Jerry. (1992). Inside Improvisation Series: Melodic Structures. Advance Music.
    • หนังสือชุดนี้มีความสำคัญในการอธิบายการด้นสดในดนตรีแจ๊ส รวมถึงการใช้โครงสร้างเสียงและโน้ตแฟลตในการประพันธ์เพลง
  • Coker, Jerry. (1984). Jazz Improvisation. Prentice Hall.
    • หนังสือเล่มนี้เป็นแหล่งข้อมูลหลักในการศึกษาการด้นสดและการใช้แฟลตในโครงสร้างคอร์ดแจ๊ส ซึ่งมีความเป็นระบบและมีการวิจัยด้านทฤษฎีดนตรีแจ๊ส
  • University of Rochester, Eastman School of Music. (n.d.). Jazz Theory Resources.
    • เว็บไซต์ของ Eastman School of Music เป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือในด้านทฤษฎีดนตรี โดยเฉพาะการอธิบายการใช้โน้ตแฟลตในคอร์ดและสเกลแจ๊ส
  • Jazz at Lincoln Center. (n.d.). Jazz Academy.
    • แหล่งการเรียนรู้ดนตรีแจ๊สที่มีวิดีโอและบทความเกี่ยวกับการเล่นดนตรีแจ๊ส การด้นสด และการใช้แฟลตในเพลงแจ๊สอย่างละเอียด
  • The Berklee College of Music. (n.d.). Berklee Online: Jazz Theory and Harmony.
    • หลักสูตรและบทเรียนออนไลน์จาก Berklee ซึ่งเป็นสถาบันดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับทฤษฎีแจ๊สและการใช้แฟลตในดนตรีแจ๊ส

สนใจเรียนดนตรีกับมีภูมิ สามารถทดลองเรียนได้ฟรี

  • ยกเว้นคอร์สเต้นจะมีค่าใช้จ่าย 500 บาท เมื่อมีการสมัครเรียนจะคืนเงินให้กับท่าน